แม้ไม่รู้จัก อธิบายไม่ได้ แต่ก็เหมือนเราคุ้นมือและไถมันเล่นกันอยู่ทุกวัน
อย่างน้อยๆ ก็โอนเงินซื้อของผ่านมือถือกันนั่นปะไร ผู้บริโภคอย่างเราๆ ได้ประโยชน์กันไปเต็มๆ เพราะไม่ต้องเดินเข้าธนาคาร ต่อคิว และบางทีต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่ เอ่อะ… ก็ไม่แพงมาก แต่ทำไมต้องเสียให้มากมายด้วยเล่า?
นอกจากการจ่ายและโอนเงินออนไลน์ ฟินเทคถูกคิดขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคในการทำธุรกรรมการเงินอีกหลายแขนง วันนี้ Sustainable Banking Thailand จึงขออธิบายแบบย่นย่อถึงความหมายและประเภทของฟินเทค และอยากชี้ชวนว่า ฟินเทคเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภคแน่ๆ แต่ผู้ได้รับผลกระทบอย่าง #ธนาคาร ถ้าไม่จีบเครื่องมือฟินเทคเอาไว้ ผลที่เกิดขึ้นอาจเป็นอะไรได้บ้าง?
FinTech ชื่อเต็มคือ Financial Technology แปลตรงตัวว่า ‘เทคโนโลยีทางการเงิน’ หรือมองง่ายๆ ว่ามันคือ ‘เครื่องมือ’ หนึ่งที่กลุ่มสถาบันการเงินหรือองค์กรใดๆ โดยเฉพาะบริษัทเกิดใหม่ (สตาร์ทอัพ) หยิบไปใช้เพื่อตอบสนอง หรือพัฒนาการให้บริการทางการเงิน
McKinsey (2016) คำนวณไว้ว่า หากธนาคารเพิกเฉยต่อการพัฒนาของฟินเทค ไม่ยอมและไม่ปรับวิธีการดำเนินธุรกิจ ธนาคารอาจสูญเสียรายได้ราว 29-35 % ให้แก่คู่แข่งรายใหม่จากการลดลงของฐานลูกค้าและส่วนต่างรายได้ แต่หากธนาคารปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจให้อยู่ในรูปดิจิตอลตลอดห่วงโซ่คุณค่า มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยใช้เทคโนโลยี และมีนวัตกรรมเป็นหนึ่งใน DNA ของธนาคาร ธนาคารก็จะเพิ่มผลตอบแทน และขยายฐานลูกค้าได้