เงินไม่ถึง 90 บาท ยังคงเป็นค่าจ้างรายวันของแรงงานไร่ชาในอินเดีย ในวันที่ชาคือเครื่องดื่มซึ่งคนทั่วโลกบริโภคกันมากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากน้ำเปล่า และความต้องการชาสำเร็จรูปเฉลี่ยสูงถึง 6 ล้านตันต่อปี นอกจากนี้ แรงงานไร่ชากว่า 1.12 ล้านคนในอินเดีย เป็นแรงงานเพศหญิงถึง 40% ซึ่งแม้ว่าจะได้รับค่าจ้างเทียบเท่าแรงงานชาย ทว่ากลับต้องแบกกระบุงใบชาทั้งที่ยังตั้งครรภ์ไปจนกระทั่งหลังคลอด ตลอดจนทนรับสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่เป็นมิตร

แรงงานในอุตสาหกรรมไร่ชาอินเดียคือหนึ่งในอีกหลายตัวอย่าง ที่สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างและความไม่ยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมอาหารในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความสำคัญที่สุดของโลกในด้านการผลิตอาหาร แรงงานเหล่านี้เผชิญปัญหาหลายด้าน เช่น การทำงานแบบไม่มีสัญญาจ้าง ค่าจ้างไม่เป็นธรรม สิทธิ์เข้าถึงสวัสดิการจากรัฐที่จำกัด การเลือกปฏิบัติในแรงงานผู้หญิง

ในปี 2567 บริษัท ป่าสาละ จำกัด ได้ดำเนินโครงการวิจัยภายใต้โครงการ Fair for All โดยได้รับการสนับสนุนจาก Oxfam Novib และกระทรวงการต่างประเทศของเนเธอร์แลนด์ ในหัวข้อ “Supply Chains Issues and Sustainability Policies in South and Southeast Asia: Comparing Seafood, Tea, Coffee, Palm Oil, and Rice” เพื่อสำรวจการเปิดเผยนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนของบริษัทใหญ่ในห่วงโซ่อุปทานอาหาร ได้แก่ อาหารทะเล ชา กาแฟ น้ำมันปาล์ม และข้าว ในประเทศภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ผลการศึกษาพบว่า การเปิดเผยนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนของบริษัทใหญ่ในห่วงโซ่อุปทานมีความสัมพันธ์กับประเทศปลายทางของการส่งออก กล่าวคือ บริษัทที่ส่งออกไปยังประเทศสมาชิก OECD และ/หรือ สหภาพยุโรป (EU) มีแนวโน้มที่จะเปิดเผยนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนมากกว่าบริษัทที่ไม่ได้ส่งออกไปยังประเทศเหล่านี้ เนื่องจากบริษัทต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความยั่งยืนของประเทศสมาชิก OECD และสหภาพยุโรป ซึ่งมีความเข้มงวดกว่าประเทศอื่นๆ

พร้อมกันนี้ คณะวิจัยได้จัดทำข้อเสนอสำหรับการขับเคลื่อนงานวิจัยเพื่อส่งเสริมแนวปฏิบัติในห่วงโซ่อุปทานที่เป็นธรรมมากยิ่งขึ้นในอนาคต

อ่านรายงานฉบับสมบูรณ์ ได้ที่นี่